สาวเล้าโลม ขย่มยับเยิน

สำหรับเรื่องราวที่เกิดขึ้นมันเคยเกิดขึ้นเมื่อตอนที่เราเรียนอยู่ชั้น ม. 5 ค่ะ ตอนนั้นเป็นช่วงที่แม่ของเราได้งานทำใหม่ บวกกับเป็นช่วงที่พ่อกับแม่ของเราเลิกกันพอดี ปกติแล้วแม่ของเราจะไม่ได้ทำงานเป็นแม่บ้านอยู่ที่บ้าน แต่พอพ่อกับแม่ของเราเลิกกัน แม่ของเราก็ต้องเรื่องทำงานเพราะว่าจะต้องหาเงินมาส่งเสียเลี้ยงดูเรา ในขณะที่พ่อของเราก็ออกไปอยู่กับ เมียใหม่ เราเองไม่เคยเรียกร้องอะไรจากพ่อของตัวเองเลย เพราะเรารู้ว่าพ่อกำลังหลงผู้หญิงอีกคนแบบเงยหัวไม่ขึ้น เรามันก็เป็นเพียงแค่คนนอกสายตาในตอนนั้น และเราก็สงสารแม่ของเรามากกว่า จากผู้หญิงที่ใช้ชีวิตสุขสบายคนนึง มีเสาหลักของครอบครัวคอยดูแล จะต้องกายไปเป็นเสาหลักของครอบครัวในวันที่ผัวของตัวเองไปมีคนใหม่ ซึ่งเราก็เข้าใจแม่ของเรานะครับว่าเรื่องนี้มันเป็นเรื่องทีไม่ใช่ว่าใครก็จะรับได้ ขนาดตัวของเราเองยังรับไม่ได้เลย และถ้าจะให้เราไปเรียกผู้หญิงคนอื่นว่าแม่อีกคน เราก็คงจะทำใจยาก ยิ่งเรามีแม่ที่ดีกับเรามากขนาดนี้เรายิ่งทำไม่ลงค่ะ ช่วงปิดเทอมเป็นช่วงที่เราไม่ได้ทำอะไร ในขณะที่แม่ของเราออกไปทำงานเราก็ต้องอยู่บ้านคนเดียว …

ผมเป็นชายโสดธรรมดาคนหนึ่งที่ชอบคุยกับคนโน้นคนนั้นคนนี้ไปเรื่อยผ่านแอพหาคู่ ผมรู้ว่าแอพหาคู่สมัยนี้อาจจะไม่ใช่ทางเลือกที่ยืนยาวสำหรับคนที่อยากจะคบกับใครแบบจริงจัง ผมไม่ต้องอ้างอิงเรื่องนี้กับคนอื่นเลย เพราะถ้ามองจากตัวเองแล้วผมยังไม่เคยคุยกับใครแบบจริงจังเลยซักคน คุยทีก็คุยเป็น 10 คนได้ คนไหนที่ถูกใจก็อาจจะคุยกันนานหน่อย แต่ถ้าคนไหนคุยกันแล้วเข้ากันไม่ได้ จู้จี้จุกจิกมากเกินไป ผมก็จะปล่อยไปเลย ผมรู้สึกว่าตอนนี้ตัวของผมเองยังรักความเป็นอิสระมากกว่าที่จะเอาตัวเองไปผูกมัดกับใคร เพราะฉะนั้นสำหรับผมแอบหาคู่ก็เหมือนแอพนัดเย็ดในรูปแบบหนึ่งเท่านั้น เพราะผมเชื่อว่าผู้หญิงคนอื่นที่มาเล่นแอพนั้นก็คงไม่ได้คุยกับผมเพียงแค่คนเดียว เพราะอย่างผมวันนึงไม่เคยทักใครไปก่อนเลย แต่ก็มีผู้หญิงทักมาหาผมเป็นกอบเป็นกำ มีทั้งโชว์หน้าตัวเอง แล้วก็มีแบบใช้รูปอวตารด้วย ซึ่งถ้ามาคุยกับผมแล้วใช้รูปอวตารผมก็จะไม่คุยด้วยเลย เพราะขนาดบางคนใช้รูปตัวเองหน้าตาสะสวย แต่พอเจอตัวจริงยังไม่ค่อยตรงปกเท่าไหร่ แต่ถ้าเจออวตารขึ้นมา ผมก็กลัวว่าพอถึงเวลาจริงๆ แล้วมันไม่ได้เป็นแบบที่คาดหวังแล้วเราจะเซ็งโดยใช่เหตุ ตั้งแต่ตอนที่ผมเล่นแอพหาคู่มาตอนนี้ก็เข้าสู่ปีที่สามแล้ว …

อาชีพของผมในปัจจุบันนี้ก็คือการเป็นหมอนวดครับ ผมเลี้ยงดูตัวเองด้วยอาชีพนี้มาเป็นเวลากว่าสี่ปีแล้ว ซึ่งเงินค่าตอบแทนก็ค่อนข้างที่จะโอเคมากครับ โดยผมได้ไปประจำร้านนวดอยู่ที่ร้านแห่งหนึ่ง ซึ่งตอนนั้นก็เป็นร้านนวดชื่อดังและค่อนข้างมีชื่อเสียงมากพอสมควร แต่กว่าจะเข้าไปทำงานที่นั่นได้ก็ต้องผ่านการสอบและอบรมค่อนข้างเยอะเหมือนกัน เพราะว่าทางเราต้องการที่จะให้ร้านนวดมีมาตรฐาน โดยค่าแรงขั้นต่ำของผมแต่ละวันจะอยู่ที่ 350 บาท ซึ่งต่อให้ไม่มีลูกค้ามานวดเลย วันนั้นผมก็จะได้เงิน 350 บาท แต่ถ้ามีลูกค้าเราก็จะได้เงินจากค่างวดครึ่งหนึ่ง ซึ่งเงินจำนวนดังกล่าวจะเอาไปรวมกับค่าแรงขั้นต่ำในแต่ละวันด้วย แต่ไม่ได้เอาไปบวกเพิ่มนะครับ แต่ถ้าวันไหนเราได้ลูกค้าไม่ถึงสองคน หรือไม่ได้เลยเราก็จะได้ขั้นต่ำอยู่ที่จำนวน 350 บาทเป็นปกติ แต่ตั้งแต่ที่ผมทำมาก็ไม่มีวันไหนนะครับที่เราจะไม่ได้ลูกค้าเลย ก็จะมีช่วงที่ค่อนข้างวิกฤติก็คือช่วงที่มีโควิดระบาดเมื่อประมาณหนึ่งถึงสองปีที่แล้ว ที่ร้านต้องเปิดๆ ปิดๆ …

เรื่องผมจะมาเล่าในวันนี้ก็เกิดขึ้นเมื่อประมาณ 2 ปีที่แล้วตอนที่ผมเรียนอยู่ ม.ปลาย ซึ่งตอนนั้นยังเป็นช่วงที่ผมยังอาศัยอยู่ที่บ้าน แต่ว่าในปัจจุบันนี้ผมได้มาอยู่หอพักที่มหาวิทยาลัยเรียบร้อยแล้ว และผมเองก็อยากจะมาเล่ารำลึกถึงความหลังที่เกิดขึ้นหลังจากที่ผมได้ฟังเรื่องราวของเพื่อนสนิทของผมคนหนึ่งผ่านการพูดคุย และผมเองก็อยากจะเล่าเรื่องนี้กับมันเป็นอย่างมาก แต่ผมกลัวว่ามันจะมีคนเอาไปพูดต่อว่าผมได้เย็ดกับน้อสาวแท้ๆ ของตัวเอง ที่บ้านของผมอยู่กันสี่คนครับ ก็คือพ่อ แม่ ตัวของผมเอง แล้วก็น้องสาวคนเล็กอีกหนึ่งคน ผมกับน้องสาวของผมเพิ่งมาแยกห้องนอนกันตอนที่น้องสาวของผมเริ่มมีประจำเดือน ซึ่งตอนนั้นผมเองก็เรียนอยู่ชั้น ม.2 แล้วตัวของผมเองก็เริ่มเข้าสู่วัยรุ่นตอนเงี่ยนแล้ว ผมชักว่าวครั้งแรกตั้งแต่ตอนที่ผมอยู่ ป.6 ซึ่งตอนนั้นหมอยของผมก็เรื่องขึ้นมานิดหน่อยแต่ยังไม่ได้เยอะมาก และการพูดคุยกับเพื่อนที่โรงเรียนมันก็เลยทำให้ผมอยากรู้อยากลอง และเริ่มทำความรู้จักกับการชักว่าว ซึ่งครั้งแรกของผมตอนที่ผมชักว่าวมันยังไม่มีนำว่าวออกมาเลยครับ …

ในฐานะที่ผมมีอำนาจในบริษัทแห่งนี้ การจะปรับใครขึ้น เลื่อนขั้น ต้องให้ผมเป็นคนเซ็นก่อน และผมก็มักจะต้องมีข้องแลกเปลี่ยนอยู่เสมอๆ โดยเฉพราะเด็กๆที่เรียนจบมาใหม่ๆ หรือจบมานานแล้วก็ตาม ในส่วยของการทำงาน ผมรู้ว่าต้องให้ใครเลื่อยขั้น ผมเลือกคนที่ตรงกับงาน และคนพวกนั้นผมจะเซ็นให้เลย เพราะมันเป็นผลประโยชน์โดยตรง แต่ถ้าเป็นแค่ เด็กตัวน้อยที่ในความเป็นจริงในตำแหน่งนั้นๆไม่ต้องมีก็ได้ แบบนี้แหละ มันจะต้องผ่านผมก่อน และผมก็จะมาเล่าให้ฟัง ว่าหนึ่งในนั้นที่ผมนั้นติดใจ จนต้องเอามาทำเมียนั้นมันเป็นยังไง ถึงเธอจะมาเป็ฟนเมียผมแล้ว แต่เธอก็ไม่สามารถหยุดผมได้ ที่จะทำแบบนี้ เพราะเธอก็รู้ว่าอำนาจทั้งหมดมันอยู่ที่ผม ผมจะทำอะไรก็ได้ เหตุการณ์มันเริ่มจาก …

สาวต่างจังหวัดคนหนึ่งมีชื่อว่า “แก้ม” เธอเป็นสาวบ้านนอกที่เข้ามาทำงานอยู่ในเมืองกรุง และด้วยความที่เธอเป้นหญิงสาวหน้าตาดี เธอก็เลยโชคดีได้จับพลัดจับผลูมาทำงานในตำแหน่งเลขาประธานบริษัท ซึ่งคนที่จะเข้ามาทำงานในตำแหน่งนี้ก็จะต้องเป็นผู้หญิงที่แต่งตัวดี บุคลิกดี สามารถเดินตามประธานบริษัทไปประชุมหรือออกงานที่ไหนก็ได้โดยไม่อายใคร และที่สำคัญต้องเป็นคนที่หัวไวมีไหวพริบในการทำงาน ซึ่งแก้มก็เป็นคนที่ตอบโจทย์ทุกอย่างที่จะทำงานในตำแหน่งนี้ แต่ด้วยความที่เธอทำงานเป็นเลขาประธานบริษัท เธอก็เลยไม่ค่อยมีเวลาส่วนตัวมากเท่าไหร่ เมื่อไหร่ที่เจ้านายของเธอเรียกใช้ เธอก็ต้องไปในทันที และไม่สามารถปฏิเสธได้ว่าเธอไม่พร้อม แต่เธอก็รับได้กับภาระงานในครั้งนี้ เพราะว่าเงินเดือนของเธอก็จะค่อนข้างเยอะมาก รวมถึงเงินพิเศษที่เธอได้จากเจ้านายของเธอต่างหากอีกจำนวนหนึ่ง แต่อีกอย่างหนึ่งเธอต้องเผชิญอยู่ก็คือการที่เธอต้องอยู่แบบเป็นโสด แน่นอนว่าการที่เธอเป็นผู้หญิงหน้าตาดีแต่กับการเป็นคนไม่มีเวลานั้นก็เลยทำให้เธอต้องอยู่แบบไม่มีใครจนถึงทุกวันนี้ และก็ไม่ใช่ว่าเธอไม่เคยคุยกับผู้ชายคนไหนเลย เธอก็มักจะมีผู้ชายมาจีบเธออยู่เรื่อยๆ แต่ด้วยความที่เธอไม่มีเวลาส่วนตัว และไม่มีช่วงเวลาอิสระมากเท่าไหร่ ก็เลยทำให้ผู้ชายหลายคนไม่สามารถรับข้อบกพร่องในจุดนี้ของเธอได้ …

ประสบการณ์มีเซ็กส์ครั้งแรกของผมมันเกิดขึ้นตอนที่ผมเรียนอยู่ชั้น ม.2 ในตอนนั้นผมกำลังคบกับรุ่นน้องคนหนึ่งที่เรียนอยู่ ม.1 ในโรงเรียนเดียวกัน ซึ่งตอนที่เรามีเซ็กส์กันครั้งแรก มันเป็นเซ็กส์ครั้งแรกของผม และครั้งแรกของน้องคนนั้นด้วย เหตุการณ์มันเกิดขึ้นหลังจากที่เราสองคนคบกันได้เพียงแค่สองอาทิตย์เท่านั้นครับ น้องเค้าได้ชวนผมไปที่บ้านของน้องเขาในวันหยุด ซึ่งตอนนั้นก็ไม่มีใครอยู่ที่บ้านเลย ตอนนั้นน้องเค้าก็ชวนผมเข้าไปนอนเล่นในห้องของน้อง ตอนแรกเราก็เล่นเกมอยู่ด้วยกันครับ แล้วสักพักก็เลยหาหนังอะไรดูไปเรื่อยๆ เปื่อย ซึ่งที่ห้องของน้องเค้าก็มีทีวีจอใหญ่อยู่ในห้องครับ ผมจำได้เลยว่าสมัยนั้นยังไม่มีพวกสมาร์ททีวีเลย จะดูหนังทีก็ต้องเปิดช่องเคเบิลที่เป็นช่องหนังโดยเฉพาะ และเราก็ไม่สามารถเลือกได้ด้วยว่าเราอยากจะดูหนังเรื่องอะไร และเราก็ต้องดูตามโปรแกรมหนังที่เข้าฉายมากครับ ระหว่างที่ผมกับน้องเค้านอนดูหนังด้วยกันอยู่ในห้อง ผมก็ยังไม่ได้คิดถึงขั้นที่จะมีเซ็กส์เลยครับ ด้วยความที่ตอนนั้นเราทั้งสองคนยังเด็กมากเกินกว่าที่จะคิดเรื่องนั้น และสิ่งเร้ามันก็ไม่ได้มีเยอะเหมือนสมัยนี้ แต่ความบังเอิญก็คือหนังที่ผมกำลังดูอยู่ตอนนั้นมันดันมีฉากเลิฟซีน …

ในช่วงปิดเทอมที่ผ่านมาผมกับน้องสาวก็ได้อยู่บ้านตามปกติเหมือนกับทุกปีที่ผ่านมา ซึ่งผมกับน้องสาวของตัวเองก็ค่อนข้างที่จะมีรถสนิยมแตกต่างกันมากพอสมควร และผมกับน้องสาวก็แอบทะเลาะกันอยู่บ่อยครั้ง จนพ่อแม่ของผมก็แอบรำคาญบ้างว่าเราสองคนจะต้องทะเลาะกันทำไม โดยเฉพาะเรื่องที่ไม่เป็นเรื่อง และปัญหาโลกแตกอย่างหนึ่งที่ยังแก้ไขไม่ได้ในตอนนี้ก็คือเรื่องการดูทีวีครับ ผมกับน้องสาวมักจะชอบทะเลาะกันเป็นประจำ ตัวของผมเองชอบที่จะดูการ์ตูน แต่น้องสาวของผมชอบดูละครจักรๆ วงๆ เราสองคนมักจะแย่งกันตื่นเช้า ถ้าวันไหนใครตื่นเช้ากว่าก็จะเป็นคนที่ได้ครองรีโมท ส่วนคนที่ตื่นสายกว่าก็ต้องรอช่วงเวลาที่มีโฆษณาถึงจะได้ดูในสิ่งที่ตัวเองอยากดู ซึ่งส่วนมากผมเองก็จะเป็นคนที่ตื่นก่อนตลอดอยู่หลายครั้ง เพราะว่าผมมักจะชอบแอบไปปิดนาฬิกาปลุกครองน้องสาวเอาไว้ และทำให้น้องสาวของผมไม่ตื่นเพราะว่านาฬิกาไม่ปลุก ส่วนตัวของผมเองก็ตั้งนาฬิกาปลุกตั้งแต่ 6 โมงเช้าเลยครับ แต่แล้วมันก็มีอยู่วันนึงซึ่งเป็นช่วงวันที่พ่อกับแม่ของผมไม่อยู่บ้านและออกไปต่างจังหวัดตั้งแต่ช่วงตี 5 ของวัน ซึ่งวันนั้นผมก็เป็นคนที่ตื่นขึ้นมาล็อคประตูบ้านหลังจากที่พ่อกับแม่ออกไปแล้ว และผมก็เลยไม่ได้กลับเข้าไปนอนในห้องและเลือกที่จะนอนที่โซฟาหน้าโต๊ะทีวีเพื่อที่จะรอดูการ์ตูนในตอนเช้าครับ ซึ่งตอนนั้นผมเองก็ลืมคิดไปว่าที่หน้าโต๊ะทีวีไม่มีนาฬิกาปลุก …

ผมชื่อไก่ครับ ตอนนี้ผมกำลังธุรกิจส่วนตัว เป็นธุรกิจเล็กๆ ไม่ได้ใหญ่อะไรมากมาย และผมเองก็ทำแค่คนเดียว ผมเปิดเป็นร้านชาไข่มุกร้านเล็กๆ ร้านนึงครับ ซึ่งร้านนี้ก็เกิดมาจากการที่ผมใช้เงินก้อนสุดท้ายของตัวเองที่มีอยู่มาลงทุน และตั้งแต่ผมหยิบเงินก้อนนี้มาใช้มันก็ทำให้ผมกลายเป็นคนขยันขึ้นมามากๆ เพราะว่าตัวของผมเองก็ต้องรีบหาเงินทุนที่ลงทุนไปกลับคืนมาให้ได้เร็วมากที่สุด ผมเลือกที่จะไม่จ้างลูกน้องเพราะว่าผมอยากจะลดภาระค่าใช้จ่ายลงยิ่งสภาวะเศรษฐกิจแบบนี้ อะไรเซฟได้ก็ต้องเซฟครับ ผมต้องรีบขยันเก็บเกี่ยวเงินให้ได้มากที่สุดเพื่อที่จะเอาเงินก้อนนี้มาเป็นทุนที่ใช้สำหรับเปิดร้านเพิ่ม เพราะว่าผมอยากจะให้แฟนของผมออกจากงานประจำที่ทำอยู่เพื่อมาทำธุรกิจส่วนตัวด้วยกัน แต่ก่อนที่แฟนของผมจะลาออกผมก็ต้องทำตัวของผมให้เป็นเสาหลักให้ได้ก่อน และนั่นจึงเป็นสาเหตุว่าทำไมผมถึงเป็นคนที่บ้างานมาก ผมทำงานทุกวันไม่มีวันหยุด ตื่น 6 โมงเช้า นอนเกือบเที่ยงคืนทุกวัน ตอนเตรียมของผมก็ไม่ได้ปิดร้านนะครับ ผมเลือกที่จะจ้างคนไปซื้อของมาลงให้ เพราะว่าถ้าผมปิดร้านไปซื้อของมาลงเองมันก็เหมือนว่าผมจะเสียรายได้ไปเลยหนึ่งวันเต็มๆ สู้จ้างคนเสียเงินหลักร้อยยังจะดีกว่า …